เมื่อปี 2558 องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินจากสหประชาชาติ (UN) ทำหน้าที่ประเมินมาตรฐานการบินทั่วโลกได้ประกาศติดธงแดงประเทศไทย เนื่องจากพบว่ามาตรฐานการบริหารความปลอดภัยการบินของประเทศไทย มีข้อบกพร่องจำนวน572 จุด และมีข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญ (Significant Safety Concern : SSC) อยู่ 33 ข้อ ซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยตามการประเมินของ ICAOส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจการบินในประเทศไทยเป็นอย่างมาก ในขณะที่อุตสาหกรรมการบินของไทยกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยประเด็นปัญหาหลักที่สำคัญมากที่สุดซึ่งประเทศไทยต้องเร่งแก้ไข คือ มาตรฐานของกระบวนการออกใบอนุญาต การให้การรับรอง การอนุมัติและให้ความเห็นชอบใบอนุญาตต่อสายการบินในประเทศไทย
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ กพท. ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ว่าจ้าง CAA International. Ltd. (CAAi) ซึ่งมีสำนักงานการบินพลเรือนแห่งสหราชอาณาจักรเป็นเจ้าของ ได้ส่งผู้ตรวจสอบ (Inspector) ซึ่งมีคุณสมบัติในการปฏิบัติหน้าที่มาร่วมดำเนินการตรวจสอบและออกใบรับรองผู้เดินอากาศใหม่ (Re-certification) ให้แก่สายการบินของไทยที่ได้รับอนุญาตให้ทำการบินระหว่างประเทศ จำนวน 25 สายการบิน และเพื่อให้การทำงานร่วมกับ CAAi มีประสิทธิภาพ จึงได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนในการปฏิบัติงานร่วมกับ CAAi โดยมีผู้อำนวยการ กพท. เป็นประธาน และผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นรองประธาน
ในวันที่ 12 กันยายน 2559 นี้ จะเป็นครั้งแรกที่ กพท. เริ่มกระบวนการประเมินใบอนุญาตการเดินอากาศของสายการบินใหม่ (Re-certify) กับสายการบินของไทยที่เดินทางไปต่างประเทศให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของ ICAO
ขั้นตอนการประเมินสายการบินของไทยทั้ง 25 สายการบินนี้ จะมี 5 ขั้นตอน โดยจะเริ่มขั้นตอนที่1และ 2 ก่อน คือ การเชิญสายการบินมาประชุมและประเมินทีละสายการบิน แบ่งเป็น 3 ชุด ชุดละ 8 สายการบิน ซึ่งทั้ง 25 สายการบินนี้ใบอนุญาตการบินยังไม่หมดอายุและจะต้องได้รับการต่อใบอนุญาตการเดินอากาศในขั้นตอนที่ 1 และ 2 นี้ ใช้ระยะเวลาทั้งหมด 2 สัปดาห์ ขณะที่กระบวนการทั้งหมดที่สายการบินจะได้รับใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ (Re-certification) โดยผ่านการประเมินตามมาตรฐานของ ICAO นั้นใช้ระยะเวลาทั้งหมด 4 เดือน