เรื่อง ขอความร่วมมือให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเต็มขีดความสามารถในการให้บริการผู้โดยสารเส้นทางภายในประเทศระหว่างสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19)
เรียน ผู้ดำเนินการเดินอากาศ
ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ.2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวเป็นคราวๆ ออกไป อย่างต่อเนื่อง นั้น
โดยที่นายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 17) ลงวันที่ 6 มกราคม 2564 และศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก. ศบค.) กำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในการตรวจคัดกรองการเดินทางออกนอกพื้นที่ สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม และพื้นที่เฝ้าระวังสูง ประกอบกับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ะระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กระทรวงมหาดไทย (ศบค. มท.) ได้สั่งการให้ทุกจังหวัดดำเนินการตามหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในการตรวจคัดกรองการเดินทางออกนอกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 5 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม และพื้นที่เฝ้าระวังสูง ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการ หลักเกณฑ์ และแนวทางคัดกรองการเดินทางออกนอกพื้นที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ อันเป็นการป้องกัน ระงับ ยับยั้ง และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) นั้น
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) จึงขอแจ้งให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศปฏิบัติตามประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการให้บริการผู้โดยสารในเส้นทางการบินภายในประเทศระหว่างสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ที่มีผลบังคับใช้อยู่ อย่างเต็มขีดความสามารถ และขอเน้นย้ำการปฏิบัติตาม ข้อ 2 (3) ของประกาศฉบับที่ 1 ซึ่งระบุว่า “กำหนดให้มีมาตรการและวิธีปฏิบัติเพื่อรักษาระยะห่างของผู้โดยสารตลอดระยะเวลาเดินทาง โดยรวมถึงขั้นตอนการลำเลียงผู้โดยสารขึ้นและลงจากอากาศยาน ไม่ว่าจะดำเนินการด้วยการเดินเท้า การใช้รถบัสหรือสะพานเทียบอากาศยาน การรวมกลุ่มในขณะจัดเก็บสัมภาระในที่เก็บของเหนือศีรษะและการเข้าแถวรอใช้ห้องน้ำในห้องโดยสาร โดยมาตรการและวิธีการปฏิบัตินั้นต้องมั่นใจได้ว่ามีการรักษาระยะห่างที่เหมาะสมสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษด้วย”
ในส่วนของการลำเลียงผู้โดยสารไปยังอากาศยานหรืออาคารผู้โดยสารโดยใช้รถบัส ขอให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศพิจารณาให้มีความหนาแน่นไม่เกินกว่าร้อยละ 50 ของระดับความสามารถการให้บริการของยานพาหนะนั้น รวมถึงจัดให้มีระบบไหลเวียนของอากาศที่ดีและปลอดภัยต่อผู้โดยสาร ภายในยานพาหนะนั้นๆ อีกทั้งขอให้ปฏิบัติตามมาตรการในประกาศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ขอแสดงความนับถือ
นายศรัณย เบ็ญจนิรัตน์
รองผู้อำนวยการ รักษาการแทน
ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย