หากเครื่องบินจอดรอผู้โดยสารหรือจอดส่งผู้โดยสารที่หลุมจอดระยะไกล (Remote Bay) การขึ้นและลงจากเครื่องบินจะมีรถ Shuttle Bus ของสายการบินนั้น ๆ คอยรับ-ส่งผู้โดยสาร จากอาคาร ผู้โดยสารไปถึงเครื่องบินที่อยู่ในลานจอด แต่การขึ้นรถ Shuttle Bus อาจทำให้ใครหลาย ๆ คนรู้สึกเสียเวลา เพราะรถวิ่งช้าและยังหยุดทุกแยกในสนามบิน ทั้ง ๆ ที่ไม่มีรถคันอื่นสวนทางมาเลย
เหตุผลที่รถ Shuttle Bus รับ-ส่งผู้โดยสารในสนามบินขับขี่ไม่เหมือนกับรถที่วิ่งบนถนนทั่วไป นั่นก็เพราะพื้นที่ในสนามบินที่ใช้สำหรับการขึ้น ลง และขับเคลื่อนของอากาศยาน รวมถึงลานจอดอากาศ มียานพาหนะหลายประเภท ทั้งรถลากเครื่องบิน รถขนส่งผู้โดยสาร รถขนกระเป๋า รถบันได รวมถึงรถขนสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ ดังนั้น การขับขี่ยานพาหนะในบริเวณสนามบินเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ขับไม่เกินความเร็วที่กำหนด อ่านทุกป้ายจราจร หยุดรถทุกแยกด้วยความระวัง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุหรือการเฉี่ยวชนอากาศยาน ยานพาหนะต่าง ๆ และผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่สนามบินด้วย
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ในฐานะหน่วยงานกำกับ ดูแล ควบคุม และส่งเสริมการดำเนินงานของกิจการการบินพลเรือนให้เป็นไปตามกฎระเบียบและมาตรฐานสากล จึงได้กำหนดให้ทุกสนามบินต้องมีการควบคุมและกำกับดูแลยานพาหนะในพื้นที่เขตการบิน (Airside) โดยสนามบินจะกำหนดกฎจราจรและรายละเอียดเกี่ยวกับการขับขี่ยานพาหนะในพื้นที่เขตการบิน เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและผู้ปฏิบัติหน้าที่ในสนามบินไว้ เช่น
1. พนักงานขับรถในพื้นที่เขตการบิน ต้องผ่านการอบรม เรียนรู้กฎและเส้นทางขับขี่ของสนามบิน และผ่านการสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตขับรถในพื้นที่เขตการบิน (Airside Driving Permit)
2. สนามบินแต่ละแห่งจะจำกัดความเร็วของยานพาหนะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะทางกายภาพของสนามบิน โดยส่วนใหญ่สนามบินจะกำหนดความเร็วในการขับขี่ยานพาหนะไว้ไม่เกิน 30-60 กม./ชม. เพราะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดโอกาสการเกิดเหตุรุนแรงได้
3. ในพื้นที่ทางขับ (Taxiway) และทางวิ่ง (Runway) พนักงานขับรถต้องเฝ้าฟังวิทยุสื่อสารเพื่อรับฟังข้อมูลและโต้ตอบกับหน่วยควบคุมการจราจรทางอากาศตลอดการขับขี่ ซึ่งหน่วยควบคุมการจราจรทางอากาศจะควบคุมไม่ให้ยานพาหนะขับตัดหน้าหรือเข้าใกล้อากาศยานมากเกินไป
4. พนักงานขับรถต้องระมัดระวังคนและยานพาหนะรอบข้างที่ปฏิบัติงาน และตระหนักถึงการปฏิบัติตามกฎจราจรของสนามบินเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ หากพนักงานขับรถไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรของสนามบิน เช่น ไม่หยุดเมื่อเจอป้ายหยุด หรือขับเกินความเร็วที่กำหนด สนามบินมีสิทธิยึดหรือระงับใบอนุญาตขับรถในสนามบิน ปรับ หรือพิจารณาโทษ อื่น ๆ ตามที่สนามบินกำหนด
5. สนามบินต้องมีการตรวจสอบยานพาหนะและอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพดี ปลอดภัยและพร้อมใช้งาน เมื่อยานพาหนะผ่านการตรวจสอบแล้ว สนามบินจะออกใบอนุญาตยานพาหนะที่จะใช้ในเขตการบิน (Airside Vehicle Permit) ให้ยานพาหนะหรืออุปทุกคัน โดยบัตรอนุญาตจะถูกติดในที่ที่มองเห็นได้ชัดเจน เหมือนป้ายภาษีรถยนต์ที่ต้องติดหน้ากระจกรถ
ข้อมูลจาก
ฝ่ายมาตรฐานสนามบิน
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย