1. ด้านการจัดให้มีและพัฒนาระบบการกำกับดูแลให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
1.1 การแก้ไขข้อบกพร่องเพื่อรับการตรวจประเมินจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และ สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ (FAA)
จากการที่ ICAO ได้ปลดธงแดงแก่ประเทศไทยเนื่องจากสามารถแก้ไขข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญด้านความปลอดภัยการบิน เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2560 กพท. ได้ดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องที่ยังเหลืออยู่จำนวน 466 ข้อบกพร่องอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมการตรวจสอบ Full ICVM ต่อไป โดย ICAO ได้เข้ามาดำเนินการตรวจสอบเมื่อวันที่ 13-22 พฤษภาคม 2562 ซึ่งในเบื้องต้นจากการทำ Self Assessment ปรากฏว่า สามารถแก้ไขข้อบกพร่องได้จำนวน 329 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 80.44 เมื่อเทียบกับข้อบกพร่องที่เหลือจำนวน 409 ข้อ (ไม่นับรวมข้อบกพร่อง AIG จำนวน 57 ข้อ) ซึ่งส่งผลให้ระดับประสิทธิผลของการนำมาตรฐาน ICAO มาบังคับใช้ในประเทศ (Effective Implementation: EI) ในภาพรวมของประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 65.07 ซึ่ง ICAO ได้กำหนดเอาไว้ที่ร้อยละ 60 ทั้งนี้ กพท. จะต้องดำเนินการเพื่อรักษาระดับการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยของประเทศไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของการดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องเพื่อรับการตรวจประเมินฯ จากสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ (FAA) ประเทศไทยมีข้อสังเกตทั้งหมด 26 ข้อ ทั้งนี้ กพท จะเข้ารายงานความคืบหน้าการแก้ไขข้อบกพร่องต่อ FAA ในเดือนกรกฎาคม 2562 นี้ โดยมีเป้าหมายที่จะกลับคืนสู่ CAT I ภายในปี พ.ศ. 2562
1.2 ความคืบหน้าของการดำเนินงานแผนระดับชาติต่าง ๆ
1.2.1 การบริหารแผนความปลอดภัยในการบินพลเรือนแห่งชาติ (State Safety Program) แผนนิรภัยในการบินพลเรือนแห่งชาติ (SSP) และนโยบายนิรภัยในการบินพลเรือนแห่งชาติ (Safety Policy) ได้รับการอนุมัติจาก กบร. ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทำร่างกฎระเบียบฯ การรายงานเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยในการบินพลเรือน (Occurrence reporting) และจัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใน กพท. และหน่วยงานภายนอก ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว
1.2.2 การบริหารแผนรักษาความปลอดภัยในการบินพลเรือนแห่งชาติ (National Civil Aviation Security Programme) และแผนอำนวยความสะดวกในการบินพลเรือนแห่งชาติ กพท. ได้ดำเนินการศึกษาวิเคราะห์และรวบรวมข้อมูลนำเสนอคณะกรรมการการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติ (National Civil Aviation Security Committee: NCASC) เพื่อขอความเห็นชอบให้แก้ไขปรับปรุงแผนรักษาความปลอดภัยในการบินพลเรือนแห่งชาติ (National Civil Aviation Security Programme: NCASP) ในการประชุม NCASC ครั้งที่ 1/2562 ที่จะจัดในเดือนมิถุนายน 2562 ซึ่งเป็นการแก้ไขปรับปรุงตามมาตรฐานและข้อเสนอแนะพึงปฏิบัติของภาคผนวกต่าง ๆ ของอนุสัญญาว่าด้วยการบินพลเรือนระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือน และดำเนินการเกี่ยวกับการออกกฎหมายและพัฒนาแผน NCASP
1.2.3 การจัดทำแผนแม่บทห้วงอากาศและการเดินอากาศแห่งชาติ (Airspace and Air Navigation Master Plan) มีการแต่งตั้งคณะทำงานจัดทำร่างแผนแม่บทห้วงอากาศและการเดินอากาศแห่งชาติ ตามคำสั่งอนุกรรมการบริหารจัดการห้วงอากาศที่ 10/2562 และประชุมคณะทำงานจัดทำร่างแผนแม่บทฯ จำนวน 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562 และ 26 มีนาคม 2562 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทำรูปเล่มเพื่อนำเสนอให้คณะอนุกรรมการบริหารจัดการห้วงอากาศพิจารณา
1.3 การจัดทำแผนพัฒนากฎระเบียบในด้านการกำกับดูแลของ กพท. (CE2) ประจำปี 2562-2564
เนื่องด้วยระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 ดังนั้น เพื่อใช้ในการกำกับดูแลเพื่อให้การกำกับดูแลครอบคลุมการทำงานในทุกด้าน กพท. ได้ดำเนินการจัดทำกฎหมายระดับรองภายใต้ พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว โดยอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกฎระเบียบที่แต่ละฝ่ายจะดำเนินการเพื่อนำมาจัดทำเป็นแผนพัฒนากฎระเบียบฯ โดยแบ่งเป็นด้านการกำกับดูแลและด้านการบริหารงาน เพื่อครอบคลุมกิจการการบินพลเรือนทุก ๆ ด้าน
2. ด้านการนำกลไกการกำกับดูแลไปบังคับใช้อย่างต่อเนื่อง
จากการพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562 ได้ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีและประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 ส่งผลให้ กพท. มีฐานอำนาจในการรับรองการดำเนินงานด้านการกำกับดูแลการบินพลเรือนและการจัดระเบียบการประกอบกิจการเกี่ยวกับการเดินอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากลมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ กพท. อยู่ระหว่างการจัดทำแผนพัฒนาระบบการกำกับดูแลของ กพท. ประจำปี พ.ศ. 2562-2564 ให้ครอบคลุมการดำเนินงานและกิจกรรมในทุกด้าน ได้แก่ ด้านความปลอดภัย ด้านการรักษาความปลอดภัย และด้านการกำกับดูแลทางเศรษฐกิจ และได้ดำเนินโครงการ IT Safety Oversight Software เพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับการตรวจติดตามและกำกับดูแลด้านความปลอดภัยของประเทศไทย
3. ด้านการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมการบินที่ยั่งยืน
นอกจากการพัฒนาระบบการกำกับดูแลด้านความปลอดภัย การรักษาความปลอดภัย และเศรษฐกิจให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากลแล้ว กพท. ต้องดำเนินการส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมการบินของประเทศ โดยการจัดทำแผนส่งเสริมอุตสาหกรรมการบินที่ครอบคลุมถึงการออกมาตรการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น และยกระดับการให้บริการของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมให้มีมาตรฐานเทียบเท่าสากล ซึ่งการส่งเสริมดังกล่าวจะต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมของประเทศด้วยการจัดทำฐานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการบินเพื่อนำไปต่อยอดในการออกมาตรการที่เกี่ยวข้องต่อไป
4. ด้านการเสริมสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืนขององค์กร
กพท. เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ตามพระราชกำหนดการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 มีสถานะเป็นองค์กรของรัฐที่ไม่ใช่ราชการและรัฐวิสาหกิจที่จำเป็นต้องติดต่อประสานงานกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ปรับปรุงองค์กรให้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทันต่อสภาวการณ์ปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น กพท. จึงต้องพัฒนาองค์กรให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนโดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและกระบวนการทำงานที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งพัฒนาให้องค์กรมีระบบบริหารทรัพยากรบุคคลที่เหมาะสมและส่งเสริมให้บุคลากรมีความผูกพันกับองค์กร รวมถึงการมีระบบจัดเก็บรายได้ที่เชื่อถือได้ และการใช้จ่ายงบประมาณที่มีประสิทธิภาพ
5. ด้านศูนย์กลางข้อมูลและองค์ความรู้ด้านการบินเพื่อสนับสนุนการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม
เพื่อสนับสนุนให้ กพท. เป็นองค์กรที่เป็นศูนย์กลางด้านข้อมูลและองค์ความรู้ด้านการบินเพื่อเกิดการต่อยอดองค์ความรู้ที่นำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมที่ส่งเสริมด้านการบินของประเทศนั้น กพท. ได้ดำเนินการพัฒนาระบบบริหารจัดการความรู้ของสำนักงาน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเผยแพร่องค์ความรู้ทั้งภายในและภายนอกองค์กร ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำร่างขอบเขตของงาน (ToR) รวมถึงจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง